1. ปัญหาการวัดและประเมินผลด้านครูผู้สอน
2. ปัญหาการวัดและประเมินผลด้านเครื่องมือวัดผล
ปัญหาการวัดและประเมินผลด้านครูผู้สอน หรือด้านบุคลากรมีความสำคัญมาก เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับเครื่องมือที่ใช้ในการสอบวัด ว่ามีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งครูผู้สอนเป็นผู้กำหนดการเลือกใช้เครื่องมือ และสร้างเครื่องมือโดยตรง ดังนั้นปัญหาเกี่ยวกับครูผู้สอน มีสาเหตุมาจากสิ่งต่อไปนี้ (วิรัช วรรณรัตน์. 2535 ก : 5-11)
1.1 ขาดความรู้และเทคนิควิธี ซึ่งได้แก่การขาดความรู้ในด้านต่อไปนี้
1.1.1 การเลือกใช้เครื่องมือ เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลมีมากมายหลายชนิด หลายรูปแบบ ทั้งที่ใช้วัดด้านพุทธพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ถ้าหากครูผู้สอนไม่ได้ศึกษาถึงชนิด และรูปแบบเครื่องมือในแต่ละด้านแล้ว การกำหนด หรือการเลือกใช้เครื่องมือเพื่อการสอบวัดย่อมไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือไม่รู้ว่าจะเลือกใช้เครื่องมือชนิดใดดี เช่น ลักษณะรูปแบบวิธีการสอบวัดทักษะการพูดมีหลายชนิด หลายรูปแบบ ถ้าครูผู้สอนไม่ทราบถึงชนิดของเครื่องมือหรือวิธีการวัดแล้วย่อมไม่ทราบว่าจะใช้เครื่องมือชนิดใด รูปแบบใด
1.1.2 การสร้างเครื่องมือ ในการสร้างเครื่องมือครูผู้สอนจำเป็นต้องมีเทคนิคและความชำนาญในการสร้างเครื่องมือแต่ละชนิด แต่ละรูปแบบ ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลไม่คงสภาพ หรือคงรูปเหมือนเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ การใช้เครื่องมือมีทั้งผลดีและผลเสีย การใช้ในการคัดเลือกบุคคลเพื่อแข่งขัน เครื่องมือที่ใช้ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ไม่เหมือนกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น ตาชั่ง บุคคลใดก็ใช้ประโยชน์ได้ แต่ถ้าเป็น ข้อสอบแล้ว ลักษณะและเนื้อหาจะแปรเปลี่ยนไปตามคุณลักษณะที่ต้องการวัด และการใช้เครื่องมือจำเป็นต้องกระทำแบบลักษณะเฉพาะ มิเช่นนั้นจะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน ดังนั้น ในการสร้างเครื่องมือจึงนับว่าเป็นปัญหาสำคัญยิ่งประการหนึ่ง ที่ครูผู้สอนจำเป็นต้องศึกษาถึงเทคนิคและวิธีการตลอดจนการฝึกฝนในการสร้างเครื่องมือ ทั้งในด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัยและทักษะพิสัย แต่ถ้าครูผู้สอนต้องการเพียงมีข้อสอบไว้สอบ หรือสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้วางแผนแล้ว เครื่องมือที่ได้ก็จะขาดประสิทธิภาพ
1.1.3 ธรรมชาติของกลุ่มประสบการณ์ ถ้าผู้ใช้และผู้สร้างเครื่องมือไม่ทราบถึงธรรมชาติของลักษณะวิชาหรือคุณลักษณะที่พึงเน้น การสอบวัดของครูผู้สอนย่อมไม่ตรงประเด็น เช่น ถ้าไม่ทราบคุณลักษณะที่พึงเน้นในกลุ่มทักษะภาษาไทยซึ่งมี 3 ประการ คือ ใช้ภาษาสื่อความได้ เห็นคุณค่าของความงามของภาษา และมีนิสัยรักการอ่าน การสอนและการสอบก็คงจะดำเนินการเฉพาะเนื้อหาตามตำรา ไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะตามที่ต้องการ จึงเป็นสาเหตุให้การสอบวัดเน้นแต่เนื้อหา หรือเรื่องราวตามตำรา
1.2 ไม่เห็นความสำคัญของการสอบวัด การวัดและประเมินผลเป็นไปอย่างเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย ไม่ทราบว่าการสอบวัดแต่ละครั้งต้องการอะไร ลักษณะเช่นนี้ จะสะท้อนให้เห็นสภาพการเรียนการสอนได้ว่า ครูผู้สอนนั้นสอนหนังสือตามเนื้อหาหรือเรื่องราวที่มีให้ในตำรา โดยตนเองไม่ทราบว่าแต่ละเนื้อหามีจุดมุ่งหมายอย่างไร ไม่ทราบว่าจะให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในด้านใด ซึ่งเท่ากับสอนหนังสือโดยตนเองไม่ทราบว่าสอนไปทำไม
แนวทางการแก้ไขปัญหา ครูผู้สอนต้องกำหนดจุดมุ่งหมายของการสอนและการสอบให้ชัดเจน โดยจัดทำแผนการสอนและวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์ในสมุดประจำชั้นกับจุดประสงค์ในคู่มือครู ทั้งนี้เพื่อให้การสอบวัดมีเป้าหมายชัดเจน และสอดคล้องกับเป้าหมายในการเรียนการสอน
1.3 ขาดการวางแผนในการสร้างคำถาม การวางแผนการสอบวัดเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง โดยจะกำหนดจุดมุ่งหมายของการสอบ กำหนดประเด็นและคุณลักษณะที่จะต้องสอบวัด จำนวนข้อคำถามและเวลาที่ใช้ เลือกรูปแบบเครื่องมือ ตลอดจนการดำเนินการสอบ การตรวจให้คะแนน และการแปลผล ปัญหาการสอบวัดในปัจจุบันคือ ครูผู้สอนจัดส่งข้อสอบไม่ตรงเวลา ข้อสอบที่ส่งมักลอกมาจากของเก่าหรือลอกมาจากแบบฝึกหัดต่างๆ การจัดส่งกระชั้นชิด ไม่มีเวลาตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของข้อคำถาม การออกข้อสอบใช้เวลาอย่างรวดเร็วโดยให้มีจำนวนข้อที่มาก การสร้างข้อสอบโดยไม่ได้เตรียมคำถามไว้ก่อน เร่งเขียนเมื่อใกล้เวลาสอบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้อสอบไม่พิถีพิถัน ทำแบบขอไปทีให้เสร็จทันเวลา ซึ่งบางครั้งจะเป็นสาเหตุให้เขียนข้อสอบตามตำรา เขียนตามที่นึกออกในขณะนั้นหรือคัดเลือกจากข้อสอบต่าง ๆ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องมือขาดคุณภาพ เช่น มีคำถามไม่ครอบคลุมเนื้อหา วัดไม่ครอบคลุมทุกพฤติกรรม
แนวทางการแก้ไขปัญหา ต้องมีการวางแผนโดยกำหนดจุดมุ่งหมายในการวัด กำหนดคุณลักษณะที่สอบวัด เลือกรูปแบบเครื่องมือ การสร้างข้อคำถามในเวลาที่เหมาะสม กำหนดแบบแผนการตรวจให้คะแนน การแปลผล ตลอดจนใช้ผลการสอบให้คุ้มค่า
1.4 การแปลผลการสอบคลาดเคลื่อน ผลที่ได้จากการสอบทุกครั้ง จะต้องนำมาแปลผลอย่างมีความหมาย โดยทั่วไปการแปลผลการสอบมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แปลผลโดยเปรียบเทียบกับผลการวัดภายในกลุ่มของเด็ก ซึ่งเรียกว่าการประเมินผลแบบอิงกลุ่ม (norm reference) กับการเปรียบเทียบคะแนนกับเกณฑ์หรือมาตรฐาน ซึ่งเรียกว่าการประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ (criteria reference) การแปลผลไม่ว่าจะเป็นในลักษณะใดก็ตาม ต้องคำนึงอยู่เสมอว่า คะแนนหรือผลการวัดนั้นใช้แทนคุณลักษณะใดของผู้สอบ ผลการวัดละเอียดเพียงใด ความคลาดเคลื่อนของผลการวัดมีมากน้อยเพียงใด
1.5 ใช้ผลการวัดให้คุ้มค่า การสอบวัดแต่ละครั้งต้องลงทุนลงแรงและใช้เวลามากแต่ผลตอบแทนที่ได้รับจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าครูส่วนใหญ่มักใช้ผลการสอบเพียงเพื่อตัดสินว่าใครสอบได้-ตกเท่านั้น ลักษณะการสอบวัดเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการสอบในปัจจุบัน เพราะการวัดและประเมินผลที่ดีมิได้มุ่งแต่เพียงได้-ตก เท่านั้น แต่จะมุ่งหวังที่จะค้นหาและพัฒนาความสามารถที่เด่น-ด้อยของเด็กด้วย
แนวทางการแก้ไขปัญหา ครูผู้สอนจะต้องใช้ผลการสอบแต่ละครั้งให้เกิดประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อม ทั้งต่อตัวเด็กและตัวครูใน 4 ประการ คือ เด็กเก่ง-อ่อนวิชาใด เด็กคนนี้ เก่ง-อ่อน อะไรตรงไหน เด็กงอกงามหรือไม่ปานใด และเครื่องมือที่ใช้มีคุณภาพเพียงใด
1.6 กิจกรรมการสอนของครูมีมาก ครูผู้สอนมักจะพูดเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล อยู่เสมอว่าไม่มีเวลา สอนมาก สอนเหมารวมอยู่คนเดียว ฯลฯ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นความจริงแต่เมื่อประกอบอาชีพครูแล้วการวัดและประเมินผลถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อ คุณภาพการเรียนการสอน ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของครูที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้
แนวทางการแก้ไขปัญหา ครูผู้สอนจะต้องเสียสละเวลาในบางส่วนเพื่อการวัดผลและประเมินผล จะคุ้มค่ามากขึ้นถ้าหากครูผู้สอนสามารถจัดทำคลังข้อสอบ (Item Blank)ไว้ได้จะเป็นการดี เพราะจะช่วยให้ทุ่นเวลาและแรงงานในการสร้างหรือออกข้อสอบ
1.7 ครูไม่เข้าใจความมุ่งหมายของการวัดผลที่แท้จริง การวัดผลนั้นเป็นกระบวนการที่ควบคู่ไปกับการเรียนการสอน กล่าวคือสอนแล้วสอบ พอสอบแล้วสอน ครูสอบนักเรียนโดยเน้นหนักในการดูตัวเด็ก แต่ครูไม่เน้นว่าสอบวัดนั้นเพื่อจะดูผลการสอนของตน ในขณะที่ครูสอบความรู้ความสามารถของเด็กนั้น ครูก็ตรวจสอบการสอนของตนด้วย โดยการวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อเพื่อดูว่าข้อสอบนั้นมีคนทำถูกกี่คน นอกจากจะบอกให้ทราบว่าข้อนั้นมีความยากง่ายเพียงใดแล้วยังบอกให้ทราบว่า การสอนเนื้อหาวิชาตอนนั้นได้ผลเพียงใด ข้อสอบที่นักเรียนทำไม่ได้ไม่เพียงแต่จะแปลว่าข้อสอบยาก แต่จะช่วยให้รู้ว่าการสอนเนื้อหาวิชาตอนนั้นได้ผลเพียงใด เด็กทำเนื้อหาวิชาตอนนั้นไม่ได้เพราะครูไม่ได้สอน หรือสอนแล้วเด็กไม่เข้าใจ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะทำให้มีการปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น
2. ปัญหาการวัดและประเมินผลด้านเครื่องมือวัดผล
การวัดผลที่ใช้เครื่องมือวัดผลที่ดี มีคุณภาพ จะทำให้ได้ข้อมูลหรือคะแนนที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ถ้าการประเมินผลที่ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้แล้ว ผลการประเมินก็จะน่าเชื่อถือ ทำให้การลงสรุป หรือการตัดสินใจถูกต้อง มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการวัดและประเมินผลที่มีปัญหาที่เกี่ยวกับเครื่องมือวัดผลมีอยู่หลายประการ คือ (วิรัช วรรณรัตน์. 2535 ข : 46-50)
2.1 เครื่องมือวัดไม่ตรงจุดประสงค์ กล่าวคือ ข้อสอบที่ใช้จะเน้นถามแต่บางเนื้อหาบางพฤติกรรม ทำให้ไม่ครอบคลุมคุณลักษณะที่ต้องการวัด จึงทำให้ผลการวัดนั้น มิได้เกิดจากการวัดคุณลักษณะที่ต้องการ ถ้าการประเมินผลใช้ข้อมูลไม่ตรงตามลักษณะที่ต้องการแล้ว การลงสรุปหรือการตัดสินใจย่อมผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป สาเหตุที่ทำให้เครื่องมือวัดผลไม่ตรงจุดประสงค์ คือ
2.1.1 ไม่เข้าใจคุณลักษณะที่ต้องการวัด ไม่ทราบว่าสิ่งที่ต้องการวัดนั้นคืออะไร ผู้เรียนจะแสดงพฤติกรรมอะไรออกมาจึงจะบ่งบอกและชี้ให้เห็นว่าเป็นคุณลักษณะที่ต้องการ
แนวทางการแก้ไขปัญหา ควรศึกษาและทำความเข้าใจหลักสูตร ลักษณะธรรมชาติของกลุ่มประสบการณ์ และคุณลักษณะที่พึงเน้น ตลอดจนสมรรถภาพที่ต้องการ และ จุดประสงค์การเรียนที่ต้องใช้ในการวัดและประเมินผลนั้น ทั้งก่อนการเรียนการสอนและการสอบ ทั้งนี้เพื่อให้การสอนและการสอบ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
2.1.2 การใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลมีหลายชนิด ได้แก่ ข้อสอบ การสังเกต การสัมภาษณ์ และการตรวจสอบ เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนั้นถ้าเลือกเครื่องมือไม่เหมาะสมไปวัดย่อมทำให้ได้ผลที่ไม่แท้จริง
แนวทางการแก้ไขปัญหา ควรศึกษาลักษณะรูปแบบของเครื่องมือ ตลอดจนข้อดีและข้อจำกัดของเครื่องมือแต่ละชนิดแล้วฝึกสร้างเครื่องมือเพื่อให้เกิดความชำนาญและเข้าใจในลักษณะของเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้เลือกใช้เครื่องมือได้ถูกต้องตามคุณลักษณะที่ต้องการ
2.1.3 วัดได้ไม่ครบถ้วน ในการวัดนอกจากจะวัดได้ตรงประเด็นแล้วยังต้องวัดได้ครอบคลุมครบถ้วนทุกลักษณะความสามารถ จึงจะเพียงพอต่อการสรุปผล เช่น การสอบวัดทักษะการเขียนโดยพิจารณาเฉพาะการสะกดคำ ปรากฏว่าผู้สอบได้คะแนนมาก แล้วสรุปว่าผู้สอบมีความสามารถทางภาษาไทย ย่อมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
แนวทางการแก้ไขปัญหา ควรจะต้องวางแผนในการสอบวัด โดยการทำการวิเคราะห์หลักสูตรเพื่อกำหนดสัดส่วนความสำคัญของเนื้อหา หรือคุณลักษณะพฤติกรรมออกมาเป็นตัวเลขเพื่อประโยชน์ในการกำหนดจำนวนข้อสอบ
2.2 เครื่องมือขาดคุณภาพ ผลของการวัดในแต่ละครั้งจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดส่วนหนึ่งย่อมขึ้นอยู่กับเครื่องมือ ถ้าเครื่องมือมีคุณภาพการวัดย่อมเชื่อถือได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเครื่องมือมีคุณภาพต่ำ ผลการวัดย่อมมีความคลาดเคลื่อนไม่น่าเชื่อถือ สำหรับคุณลักษณะเครื่องมือที่ดีมีหลายประการ ได้แก่ ความเที่ยงตรง ความเชื่อมั่น อำนาจจำแนก ประสิทธิภาพ ความเป็นปรนัย เป็นต้น ดังนั้น ในการวัดผลและประเมินผลที่ต้องการนำผลการวัดไปใช้ในการแปลผลพฤติกรรมความสามารถของบุคคล หรือนำไปใช้เพื่อการสรุปผลการเรียน จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือก่อนนำไปใช้ หรือหลังจากการสอบวัดแล้ว เพื่อนำผลมาตรวจสอบคุณภาพ และปรับปรุงเครื่องมือให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น